เมนู

แม้ในทิฏฐิก็ได้นัย (ความหมาย) อย่างเดียวกันนี้. เพราะธรรมดา
ว่า สัมปยุตตทิฏฐิ ย่อมไม่มีในจิตตุปบาท 4 ดวง.
อนึ่ง สัมปยุตตทิฏฐินั้นเกิดขึ้น เพราะละตัณหาใดไม่ได้
หมายเอาตัณหานั้น ความหมายนี้จึงใช้ได้แม้ในทิฏฐินั้น รวมความว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสวิปัสสนาจนถึงอรหัตตผลไว้ในฐานะ 23 ในสูตรนี้.
จบ อรรถกถาปาลิเลยยสูตรที่ 9

10. ปุณณมสูตร



ว่าด้วยอุปาทานขันธ์ 5



[182] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ มิคารมาตุ-
ปราสาท
ในพระวิหารบุพพาราม ใกล้พระนครสาวัตถี พร้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก ก็ในสมัยนั้นแล ในคืนวันอุโบสถขึ้น 15 ค่ำ เป็น
วันเพ็ญ มีพระจันทร์เต็มดวง พระผู้มีพระภาคเจ้าอันภิกษุสงฆ์ห้อมล้อม
แล้ว ประทับนั่งอยู่ในที่แจ้ง.
[183] ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งลุกจากอาสนะ ห่มจีวรเฉวียงบ่า
ข้างหนึ่ง แล้วประนมมือไปทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จะพึงทูล
ถามเหตุประการหนึ่งกะพระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงประทานโอกาสที่จะพยากรณ์ปัญหาแก่ข้าพระองค์ พระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ตรัสตอบว่า ดูก่อนภิกษุ ถ้าเช่นนั้นเธอจงนั่ง ณ อาสนะ
ของตน แล้วถามปัญหาที่เธอมุ่งจำนงเถิด ภิกษุนั้นรับพระดำรัสของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ อาสนะของตน ทูลถามปัญหาพระผู้มี-
พระภาค
เจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุปาทานขันธ์ 5 ได้แก่อุปาทาน-